อ่านเรื่องสั้นกัน คั่นบทกวี สักหน่อยครับ
——————————————————————————————–
กระเป๋าผ้าฝ้ายสีแดงมีซิปพร้อม | คีต์ คิมหันต์
——————————————————————————————–
กระเป๋าผ้าฝ้ายสีแดงเพิ่งถูกเย็บใส่ซิปมาเรียบร้อย เพิ่นเอามาคืนให้ หลังจากนำกลับไปใส่ซิปและพาออกเดินทางไกลครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปีที่แล้ว
อันที่จริง จะเรียกว่าเอามาคืนบ่ได้ เพราะเดิมทีข่อยเองเป็นผู้ได้รับมาจากมือเพิ่น
“กระเป๋าแดงนี่ เอามาฝากค่ะ” หญิงสาวยื่นให้ ยิ้มหน้าบาน
“เนื่องในโอกาสหยังนอครับ” ข่อยตกใจปนปลื้มอก
“วันเกิดค่ะ เห็นชอบสะพายย่าม” เธอพูดเสียงใสแจ๋วราวกระจกวิเศษ
ควรจะเอิ้นว่าถุงผ้าจั่งสิถืก ในนั่นมีแท็ปเล็ตโตหนึ่ง หนังสือแปลเล่มหนึ่ง กวีนิพนธ์ของสำนักพิมพ์บ้าน ๆ 3 เล่ม ที่เพิ่งรับมาจากโรงพิมพ์ในแบบปริ้นต์ออนดีมานด์ (ปกละ 50 เล่ม) เจ้าโตกำลังเบิ่งทวนและทานความถูกต้อง
บางขณะข่อยกะยิ้มให้กับตัวบทที่ยกชูใจ การออกแบบเล่มที่ม่วนคีง แต่แล้วลมใต้ฮ่มกากะเลาที่เย็นกาย กะบ่ช่วยให้ใจซำบายได้ เพราะเห็นคำพิมพ์ผิดในกวีนิพนธ์ชุดที่เขากำลังถืออ่าน
‘เอื้อเฟื้อ’ เป็น ‘เอื้อเฟื่อ’ ‘กวีนิพนธ์’ เป็น ‘กวีนิพนธ์’ แถมยังพบการออกแบบจัดหน้าบทกวีชิ้นหนึ่งชิ้นเดียวในหมวด ภ ที่บ่ได้ขยายชื่อเรื่องเป็นขนาดใหญ่ตามแบบที่วางไว้ แถมชื่อเรื่องก็พิมพ์ตก จาก ภาพหลอน เป็น หลอน
อนุกรมารมณ์ กวีนิพนธ์ของเพื่อนกวีผู้นี่ช่างงดงามนัก มีสำนวนแปลกใหม่เล็ก ๆ แต่หลุดมาจากภาพกรอบกรงของกวียุคก่อนและยุคเดียวกัน เป็นเล่มรวมบทกวีที่กลมกลืนกับอารมณ์ยุคสมัย ที่การไหลบ่าของข้อมูลในโลกจริงสู่โลกเสมือนและการย้อนกลับจากโลกเสมือนสู่โลกจริงอย่างบ่มีขอบขั้นตลิ่งกั้นแต่อย่างใด
ข่อยตั้งใจว่า จะส่งเล่มนี้เข้าประกวดประชันขันแข่งกับหมู่กวีเพิ่น ทุกเวที แต่บางที่ กะจักสิส่งไปเฮ็ดหยัง หนังสือคือรางวัลของผู้แต่งในตัวอยู่แล้ว ใช่ไหม? บ่แม่นตี้?